เตรียมตัวเที่ยวอิตาลี
สวัสดีค่ะ มาเตรียมตัวไปเที่ยวอิตาลีกัน ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับฤดูกาลและช่วงเวลาที่น่าไปเที่ยวอิตาลีกันค่ะ ตาม Premiumworldtour มาดูกันจ้า ..
ฤดูกาลและช่วงเวลาที่น่าท่องเที่ยว
อิตาลีมีฤดูกาล 4 ฤดูคือ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่ค่อนลงมาทางด้านล่างของทวีปยุโรป และมีทะเลล้อมรอบในฤดูหนาวอากาศจึงไม่หนาวเย็นมากนัก ยกเว้นทางเหนือในเทือกเขาแอลป์ที่มีฤดูหนาวที่ยาวนานและมีหิมะตกหนักมากพอที่จะเล่นหิมะได้ ทำให้เมืองดูรินได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวเมื่อปี 2006
ในฤดูร้อน ราวเดือนสิงหาคมอากาศจะร้อนอบอ้าว บางปีมีคลื่นความร้อนเข้าทำให้ร้อนตับแตก ชาวเมืองจึงหนีออกไปเที่ยวตามเมืองตากอากาศริมชายฝั่งทะเล ถือเป็นช่วงพักร้อนของคนอิตาลี หากจะไปเที่ยวช่วงนี้ควรคิดให้ดี เพราะต้องเผชิญกับอากาศที่ร้อนแบะผู้คนที่เดินทางหนีร้อน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยวในอิตาลีก็คือฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนมิถุนายน และฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งในอากาศช่วงนี้กำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป และอากาศก็แจ่มใส แม้บางครั้งอาจจะมีฝนตกบ้างเป็นบางคราวตามธรรมชาติ
แม้ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นฤดูท่องเที่ยวของอิตาลี นักท่องเที่ยวจะมากหน่อยแต่ก็คุ้มค่าน่าไป บางครั้งอาจต้องเข้าคิวซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมต่างๆค่อนข้างนาน หากเราจะวางแผนเสียแต่เนิ่นๆ ทั้งการหาตั๋วเครื่องบิน จองที่พักและการเลือกเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวถูกเวลา ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปด้วยความราบรื่น อีกทั้งเวลาในช่วงกลางวันก็ยาวนาน (สว่างราวตีห้าค่ำราว 3 ทุ่ม) ก็ทำให้สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิและปลายฤดูใบไม้ร่วง อากาศในช่วงเช้าและเย็นค่อนข้างหนาว เผื่อเสื้อแจ็คเก็ตติดตัวไปด้วยก็ดีไม่น้อย
แต่ข้อดีของการไปเที่ยวอิตาลีในช่วงฤดูหนาว ก็จะสะดวกในการหาที่พัก อีกทั้งราคาก็ถูก นักท่องเที่ยวก็น้อยไม่ต้องเบียดเสียดแย่งกันดู แต่ข้อดีก็คือช่วงเวลากลางวันสั้น เที่ยวได้ไม่กี่แห่งก็ค่ำมืดแล้ว อีกทั้งอากาศก็หนาวเย็นทำให้อยากกลับที่พักไวๆ
ไฟฟ้า
ในอิตาลีใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลด์เหมือนกับในประเทศไทย แต่ปลั๊กส่วนใหญ่เป็นแบบขากลม 2 ขา บางทีมี 3 รูเรียงกัน แต่สายไฟแบบ 2 ขากลมก็เสียบใช้งานได้เลย หากเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นำไปไม่มีขาเสียบดังกล่าวก็ให้หาหัวแปลงปลั๊กไฟด้วยก็จะใช้การได้
น้ำดื่ม
น้ำประปาจากก็อกถือว่าสะอาดมากพอที่จะใช้ดื่มได้ แต่ถ้าซื้อน้ำบรรจุขวดขนาดเล็ก ก็จะตกขวดละ 1-2 ยูโร ทางที่ดีให้ซื้อขวดใหญ่ซึ่งแพงกว่าเล็กน้อย แล้วกรอกใส่ขวดขนาดเล็กติดตัวไปขณะท่องเที่ยว หากหมดก็สามารถเติมได้จากน้ำพุที่พบเห็นได้ในเมืองต่างๆ หากไม่มีป้ายห้ามนั่นแสดงว่าดื่มได้ และคนอิตาลีรวมทั้งนักท่องเที่ยวก็มักจะดื่มจากบ่อน้ำพุให้เห็นทั่วไป ทำให้ประหยัดค่าซื้อน้ำดื่มไปได้มากทีเดียว ซึ่งน้ำพุเหล่านี้ก็มาจากท่อประปาของเมืองนั่นเอง
เงินทองต้องรู้
อิตาลีเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโรแทนเงินลีร์เมื่อปี 2002 เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป
แนะนำให้แลกเงินยูโรจากธนาคารในประเทศไทยก่อนเดินทางสู่อิตาลี หรือประเทศอื่นๆในยุโรป เพราะจะได้อัตราที่ดีกว่าไปแลกอิตาลี ซึ่งมักจะมีค่าธรรมเนียม (อะไรๆก็มีค่าบริการ) สะดวกที่สุดคือไปแลกที่สนามบินก่อนเดินทาง แลกเผื่อไว้ให้ถึงเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่คิดว่าจะใช้ต่ายด้วยเงินสด เช่น ค่าอาหาร น้ำดื่ม ค่าโดยสารหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ส่วนค่าที่พักหรือจะใช้เงินก้อนโต สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตดืทั้งบัตร Visa Master Card หรือ America Express
ส่วนบัตร ATM ที่มีเครื่องหมาย Plus หรือ Cirrus ก็สามารถนำไปกดเงินสดจากเครื่อง ATM ที่อิตาลีได้ โดยมีค่าบริการประมาณ 100 บาทต่อครั้ง